คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6581 - 6582/2556

จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายรู้ดีว่าขณะที่ออกเช็คนั้น จำเลยไม่อาจชำระเงินตามเช็คได้ แต่จำเลยอยู่ในภาวะที่ต้องออกเช็คเพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้เสียหายในเวลาที่ผู้เสียหายรู้ว่าจำเลยยังไม่มีเงินที่จะมาชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยกับผู้เสียหายมีเจตนาใช้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้

 

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22, 91 นับโทษจำเลยทั้งสองสำนวนติดต่อกัน

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 (3) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวม 8 กระทง จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความทั้งสองฝ่ายมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า จากคำเบิกความของผู้เสียหายปรากฏว่าหลังจากเช็คฉบับแรกที่จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าแก่ผู้เสียหายถึงกำหนดใช้เงิน จำเลยไม่มีเงินชำระหนี้ตามเช็คฉบับดังกล่าว ผู้เสียหายก็ยินยอมให้จำเลยออกเช็คพิพาทมาแทนเช็คฉบับเดิม ต่อมาภายหลังจำเลยติดต่อผู้เสียหายมิให้นำเช็คเรียกเก็บเงิน เนื่องจากจำเลยไม่มีเงินพอชำระหนี้ตามเช็คซึ่งผู้เสียหายก็ทราบและยินยอม ต่อมาจำเลยยืมเงินผู้เสียหายอีกหลายครั้ง โดยจำเลยออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าระบุจำนวนเงินตามที่ยืมไปมอบให้แก่ผู้เสียหายซึ่งในช่วงแรกจำเลยสามารถนำเงินมาแลกเปลี่ยนเช็คที่ออกไว้ให้แก่ผู้เสียหาย หลังจากนั้นจำเลยไม่มีเงินมาชำระให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยทำสัญญากู้และให้จำเลยออกเช็คพิพาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับเช็คฉบับเดิมที่จำเลยไม่อาจชำระเงินตามเช็คได้ พฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยแสดงว่า จำเลยออกเช็คให้แก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายทราบดีแล้วว่า ขณะที่ออกเช็คนั้นจำเลยไม่อาจชำระเงินตามเช็คได้ แต่จำเลยอยู่ในภาวะที่ต้องออกเช็คให้ผู้เสียหาย เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้เสียหาย ในเวลาที่ผู้เสียหายรู้ว่าจำเลยยังไม่มีเงินที่จะมาชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายกับจำเลยมีเจตนาใช้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีหลักฐานใบเสนอราคา ใบส่งของชั่วคราว มานำสืบแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าผ้าม่านและอุปกรณ์ที่สั่งซื้อไปจากผู้เสียหายจำนวน 300,000 บาท และโจทก์ยังมีหลักฐานสัญญากู้มานำสืบ แสดงว่าจำเลยเป็นหนี้กู้ยืมเงินผู้เสียหายอีกจำนวน 530,000 บาท โดยเอกสารดังกล่าวต่างมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ทุกฉบับโดยจำเลยมิได้โต้แย้งว่ามิใช่ลายมือชื่อของตน ซึ่งมูลหนี้มีจำนวนเงินตรงกับยอดเงินตามเช็คทุกฉบับรวมกัน จึงต้องฟังว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ จำเลยควรมีความผิดตามฟ้องนั้น เห็นว่า ข้อนำสืบของโจทก์คงฟังได้ว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ผู้เสียหายเท่านั้น และแม้ยอดหนี้มีจำนวนเงินตรงกับยอดเงินตามเช็คทุกฉบับรวมกัน ก็ไม่ใช่เหตุที่จะฟังว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้เพราะเช็คที่ออกเพื่อเป็นหลักประกันก็ย่อมต้องระบุจำนวนเงินที่สั่งจ่ายตรงกับยอดหนี้ที่ค้างเช่นเดียวกัน การออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้อย่างที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ยกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร

-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ

-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้

-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร

-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้

-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ

-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่

-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด

-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร

-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว

-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่